Daniels’ Running Formula
The Ingredients of Success – ส่วนผสมแห่งความสำเร็จ
วิ่งได้ดี ไม่มีฟลุ๊ค
หมู Taweewut Waicharoen ส่งบทที่ 1 ของหนังสือของลุง Jack Daniels Edition ใหม่ มาให้อ่าน (ผมมีเล่มเก่าไม่มีบทนี้)
ว่าจะเอาไปสรุปเล่าใน Podcast ด้วย แต่ขอสรุปเนื้อหาคร่าว ๆ ไว้ก่อนดังนี้ครับ
ลุง Jack บอกว่า ในการประสบความสำเร็จในการวิ่ง (นัยยะของลุงหมายถึงได้ขึ้นโพเดี้ยม ชนะคนอื่นๆ – ไม่ใช่แค่ได้ PB ของตัวเองนะครับ) มีส่วนผสม 4 อย่างดังนี้ (เรียงลำดับไปตามความสำคัญด้วยครับ)
1) Inherent Ability – ความสามารถที่มีอยู่ก่อนแล้ว (พรสวรรค์)
คนที่มีโอกาสวิ่งแล้วได้แชมป์ ร่างกายถูกสร้างขึ้นมาให้เหมาะสมกับการวิ่ง (เช่น พวกเคนย่า เอธิโอเปีย) ทั้งสภาพทางกายภาพและชีวกลไก รวมถึงประสิทธิภาพกล้ามเนื้อ ระบบการไหลเวียนโลหิต
2) Intrinsic Motivation – แรงจูงใจจากภายในจิตใจตนเอง (น่าจะประมาณ Passion) ลุง Jack แบ่งคนที่มีโอกาสประสบความสำเร็จ 3 ประเภท คือ
2.1) มีความสามารถ มีแรงจูงใจตัวเองสูง คนเหล่านี้ได้ขึ้นโพเดี้ยมแน่นอน เก่งแลัวยังมีแรงผลักดันภายในตนเองสูงมาก มุ่งมั่นซ้อมไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม
2.2) มีความสามารถ แต่ขาดพลังจูงใจตนเอง คนเหล่านี้ถ้าได้โค้ชดี คอยกระตุ้น ให้กำลังใจ ก็จะประสบความสำเร็จได้
2.3) ความสามารถเริ่มต้นไม่มาก แต่มีแรงจูงใจผลักดันตัวเองให้ขยันซ้อม คนเหล่านี้ถ้าได้โค้ชที่ช่วยดูแลแผนการซ้อมดี ใจเย็น ถึงแม้ผลการซ้อมจะมีความคืบหน้าแบบค่อยเป็นค่อยไป (สู้คนที่มีพรสวรรค์ไม่ได้) แต่คอยให้กำลังใจและจัดตารางซ้อมไม่ให้เกิดการ overtrained หรือ บาดเจ็บ ก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จ
3) Opportunity – โอกาสหรือสภาพแวดล้อมที่ทำให้สามารถซ้อมและลงแข่งได้ดี เรื่องนี้ก็จะสัมพันธ์กับ mindset ของนักวิ่งด้วย บางคนอยู่ในสภาพแวดล้อม อากาศ เอื้ออำนวยให้สามารถซ้อมได้ดี ผลการซ้อมก็จะมีความก้าวหน้า แต่บางคนมีข้อจำกัดมากมายก็เป็นอุปสรรคทำให้ก้าวหน้าช้ากว่า แต่ก็เป็นการทดสอบจิตใจในความมุ่งมั่นพยายาม (ถ้าไม่ค่อยมีแรงจูงใจแบบข้อสอง ก็คงไม่ได้ซ้อม หรือซ้อมไม่ได้ดี โอกาสขึ้นโพเดี้ยมคงน้อย)
4) Direction – แนวทางการฝึกซ้อม ลุง Jack บอกว่าเป็นส่วนผสมความสำเร็จแน่นอน แต่ให้ความสำคัญเป็นลำดับสุดท้าย ลุงแกมองว่า การไม่มีแนวทางการซ้อมเลย ดีกว่ามีแนวทางการซ้อมไม่เหมาะสม (หนักเกินไป) บางทีการซ้อมแบบลูกทุ่งก็ยังมีความก้าวหน้า(อาจจะช้า)แต่ก็ดีกว่าแนวการซ้อมที่ไม่เหมาะสมหรือซ้อมแบบผิดๆ
ลุง Jack ทิ้งท้ายบทแรกด้วยการกล่าวถึง Basic Laws of Running หรือ กฎพื้นฐานของการวิ่ง เพื้อให้นักวิ่งได้รับผลการซ้อมดีที่สุด (optimize the benefits of training)
1) นักวิ่งแต่ละคนมีความสามารถเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน (specific individual abilities) มีจุดอ่อน จุดแข็ง แตกต่างกัน การฝึกซ้อมช่วงแรกควรเน้นที่การพัฒนาจุดอ่อน แต่เมื่อใกล้แข่งขัน ควรเน้นการซ้อมจุดแข็ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีในการแข่งขัน
2) จดจ่อกับผลลัพธ์ที่เป็นบวก ไม่กังวลกับเรื่องลบๆ เช่น ถ้านักวิ่งรู้สึกซ้อมวิ่งไม่ดี ก็อย่าไปใส่ใจในความรู้สึก แต่ให้ดูว่า วันนี้ยังมีอะไรที่ทำได้ดีขึ้นบ้าง
3) การวิ่ง ย่อมมีวันที่วิ่งดี และ วิ่งไม่ดี ถ้ารู้สึกไม่พร้อม ก็อย่าลงแข่งเลยดีกว่า
4) ตารางซ้อมควรยืดหยุ่นได้ เช่น ถ้าวันนี้อากาศไม่เหมาะกับการซ้อม ก็เลื่อนไปวันถัดไปได้
5) ตั้งเป้าหมายย่อย (intermediate goal) เพื่อให้รู้สึกประสบความเร็จทีละขั้น
6) การซ้อมแต่ละครั้งต้องได้ผลลัพธ์ – การเข้าใจผลที่ได้จากการซ้อม จะทำให้สามารถซ้อมได้ตามแผนได้ดี
7) กินและนอนให้ดี
8) อย่าซ้อมตอนป่วยหรือบาดเจ็บ
9) ถ้ามีอาการเจ็บเรื้อรัง (เจ็บทุกครั้งที่วิ่ง) แสดงว่าเป็นอาการเจ็บที่ต้องไปหาหมอแล้ว
10) A good run or race is never a fluke – การวิ่งไม่ดีบางครั้งอาจจะฟลุ๊ควิ่งไม่ดี แต่การวิ่งที่ดีทุกครั้ง มาจากความสามารถของเราที่วิ่งได้ ไม่มีฟลุ๊ค
(ผมชอบอันนี้ที่สุดเลยครับ วิ่งได้ดี ไม่มีฟลุ๊ค – ต้องขยันซ้อมนะครับ – บอกตัวเอง 555)
